รายงานข่าวชิ้นแรก ๆ เกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสที่ไม่ทราบชนิดในเมืองอู่ฮั่นของจีนปรากฏขึ้นเมื่อเดือนธันวาคม ในตอนนั้นโลกไม่ได้ให้ความสนใจกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นมากเท่าใดนักและเป็นช่วงเวลาที่กำลังมุ่งความสนใจไปที่ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน
อย่างไรก็ตาม ไวรัสขยายตัวอย่างต่อเนื่องและตลาดอยู่ในภาวะวิตกมาตั้งแต่ต้นปี 2020 ดัชนี S&P500 ปรับตัวถึง 3.5% ในเดือนมกราคม มีการเทขายหุ้นหลังจากรายงานจำนวนผู้เสียชีวิตและการแพร่ระบาดอย่างไม่คาดคิดของเชื้อไวรัส
เกิดอะไรขึ้นในขณะนี้?
ณ เวลาที่เขียนบทความนี้มีคนกว่า 60,000 คนติดเชื้อไวรัสโคโรณา มีผู้ติดเชื้ออย่างเป็นทางการแล้วในประเทศต่าง ๆ มากกว่า 20 ประเทศ และจีนก็ถูกบังคับให้ต้องโดดเดี่ยว
ช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์เหมือนจะมีข่าวดีปรากฏขึ้น อันดับแรกคนส่วนใหญ่ที่เป็นผู้ติดเชื้อไวรัสฟื้นตัวหายเป็นปกติ ภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงสามารถต้านทานไวรัสโคโรนาได้อย่างสำเร็จ สิ่งที่น่ากลัวอย่างเดียวก็คือภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้
รายงานจากนักวิทยาศาสตร์ส่งผลดีสำหรับภาคการผลิตน้ำมัน ราคาน้ำมันทรุดตัวลงกว่า 24% ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไม่ได้ตอบสนองต่อการแทรกแซงของโอเปคที่วางแผนปรับลดการผลิตเพื่อยับยั้งแนวโน้มขาลงของราคา
ไวรัสโคโรนาจะส่งผลต่อตลาดหรือไม่?
สถานการณ์ไม่น่าจะเลวร้ายลงเนื่องจากทุกประเทศต่างกำลังร่วมมือประสานงานกันอย่างแข็งขันเพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของไวรัส ดังนั้นสถานการณ์ไม่น่าจะถูกมองว่าเป็นวิกฤติที่น่ากลัว แต่น่าจะเป็นสถานการณ์ที่จะปรับตัวเป็นปกติได้
จากมุมมองนี้ โรคแพร่ระบาดหรือการขจัดโรคนี้จะส่งผลให้สินทรัพย์แข็งค่าขึ้นเป็นอย่างมาก เนื่องจากจีนจะกลับมาเร่งกำลังการผลิตในประเทศและเริ่มกิจกรรมทางเศรษฐกิจอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม เรายังไม่ตัดโอกาสความเป็นไปได้ที่ไวรัสจะส่งผลกระทบในระยะยาวต่อตลาด เช่น ล่าสุดจีนประกาศรายงาน GDP ซึ่งตัวเลขคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์รัฐบาลจีนระบุว่าค่า GDP น่าจะอยู่ที่ 5% ในปี 2020
ในบรรดาสินทรัพย์ที่สามารถทำกำไรได้ในระยะสั้น เราจะพูดถึงสินทรัพย์ ได้แก่ น้ำมัน ดัชนี Hang Seng ของฮ่องกง และดัชนี Nikkei 225 ของญี่ปุ่น จากนั้นเราจะมาดูในรายละเอียดกัน
น้ำมัน
ปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นราคาน้ำมัน ได้แก่ สถานการณ์ในตะวันออกกลาง การฟื้นตัวของตลาดหุ้น การสิ้นสุดลงของคดีถอดถอนประธานาธิบดีสหรัฐฯ และสถิติที่เป็นบวกในกิจกรรมทางเศรษฐกิจในยุโรป
Hang Seng
ดัชนีหุ้นฮ่องกงนี้ปรากฏว่าเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ทางการเงินของฝั่งเอเชียที่ทรุดตัวลงหนักที่สุดในปี 2019 สาเหตุมาจากการชุมนุมประท้วงที่ยืดเยื้อในฮ่องกง ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่ามีความเป็นไปได้ที่ทางรัฐบาลจีนอาจยับยั้งความขัดแย้งโดยการใช้กำลัง
สหรัฐฯ ผ่านกฎหมายเพื่อคุ้มครองประชาธิปไตยในฮ่องกง ซึ่งเป็นการแสดงออกว่าสหรัฐฯ พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับจีน โดยสรุปแล้วเราสามารถกล่าวได้ว่าสถานการณ์ในฮ่องกงเริ่มกลับมาเป็นปกติและดัชนีขาขึ้นของ Hang Seng ย่อมคุ้มค่าต่อการลงทุน
Nikkei 225
นักลงทุนชาวญี่ปุ่นเป็นคนกลุ่มแรกที่มีท่าทีตอบสนองต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอู่ฮั่น นี่คือหนึ่งเหตุผลเบื้องหลังแรงขายหุ้นในตลาด Nikkei 225 ในช่วงเวลานั้นนักลงทุนพูดถึงการเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยของโรคปอดบวมผิดปกติที่เคยแพร่ระบาดเมื่อปี 2004
แต่นักลงทุนได้ฉวยโอกาสจากแนวโน้มขาลงของดัชนี Nikkei ไปแล้ว และเราเกือบจะไม่เพิ่มดัชนีนี้สำหรับผู้อ่านของเรา หากแต่ว่าประธานธนาคารกลางญี่ปุ่นได้ออกแถลงการณ์ที่ทำให้เราต้องคิดถึงสิ่งต่อไปนี้
ดินแดนพระอาทิตย์อุทัยเป็นที่รู้จักกันในฐานะผู้ปล่อยสินเชื่อของโลกอันเนื่องมาจากอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ อย่างไรก็ตาม ญี่ปุ่นถึงจุดที่แม้แต่อัตราดอกเบี้ยติดลบก็ไม่ทำให้เศรษฐกิจเติบโต ในสถานการณ์ปัจจุบัน ธนาคารแห่งชาติญี่ปุ่นจึงไม่สามารถดำเนินการใด ๆ ได้นอกจากปรับลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งหมายความว่าเทรนด์ขาลงจะมีผลต่อไป